207 จำนวนผู้เข้าชม |
แอลจี เคม ไลฟ์ ไซเอนเชส (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย “สารเติมเต็มบนใบหน้า” จาก “LG Chem Life Sciences ประเทศเกาหลีใต้” เผยภาพรวมการเติบโตผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มบนใบหน้ากลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก สร้างยอดขายรวมทั่วโลกกว่า 37,300 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมชี้ทิศทางตลาดความงามไทยกลุ่มยาฉีดแนวโน้มอัตราเติบโตสูง 11.98% บวกอานิสงค์กระแสดูแลตัวเองมาแรงเปิดโอกาสทำตลาดต่อเนื่อง วางเป้าปีหน้าดันยอดขายสารเติมเต็มบนใบหน้ากลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก เติบโตมี CAGR มากกว่า 35% พร้อมเตรียมนำเข้าโปรแกรม Y ที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทแอลจี เคม ไลฟ์ ไซเอนเชส ประเทศเกาหลีใต้ซึ่งจะตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมกว่าเดิม เพื่อยกระดับสู่ความเป็นผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ในตลาดความงามไทยใน 5-10 ปีข้างหน้า
นายสายัณห์ นวกิจรังสรรค์ Deputy Director บริษัท แอลจี เคม ไลฟ์ ไซเอนเชส (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงการก้าวขึ้นเป็น TOP 3 แบรนด์สาขาเคมีชั้นนำระดับโลก ของ “LG Chem Life Sciences” ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1947 ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Connecting science to life for a better future’ หรือสร้างอนาคตด้วยวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต ที่เป็นความตั้งใจให้บริษัทมุ่งมั่นสร้างการเติบโตในฐานะบริษัทเภสัชกรรมชั้นนำ จากการเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชศาสตร์ เครื่องมือแพทย์ วัคซีน ทั้งยังมีการก่อตั้งบริษัท แอลจี เคม ไลฟ์ ไซเอนเชส (ประเทศไทย) ในปี 2013 เพื่อทำตลาดในประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่น ๆ อีกว่า 37 บริษัททั่วโลก ที่ดำเนินงานโดยพนักงานกว่า 18,800 คน และสามารถสร้างยอดขายรวมกันกว่า 37,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2021 ที่ผ่านมา
“ความสำเร็จที่ก้าวกระโดดของบริษัทฯ ส่วนสำคัญมาจากผลิตภัณฑ์กลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) โดยเฉพาะ สารเติมเต็มบนใบหน้ากลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก ลิขสิทธิ์เฉพาะของ LG Chem Life Sciences ประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 25 ปี ด้วยเทคโนโลยี HICE Cross-link” นายสายัณห์ ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์กลุ่มกรด ไฮยาลูรอนิก ทั้ง สารเติมเต็มบนใบหน้าและ ฉีดข้อเข่า ที่สร้างส่วนแบ่งกว่า 30% ของยอดบริษัทฯ และมีการใช้อย่างแพร่หลายกว่า 44 ประเทศทั่วโลก
ปัจจุบัน LG Chem Life Sciences ประเทศเกาหลีใต้ ยังมีการลงทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องตามวิสัยทัศน์ที่วางเอาไว้ อาทิ ยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงจากกระบวนการผลิต Plant to Patients สำหรับคนไข้โรคไตเรื้อรัง, ยารักษาโรคเบาหวาน, ยารักษาภาวะผู้มีบุตรยาก, ยารักษาโรคข้อเข่าเสื่อม, กลุ่มวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบในเด็กและผู้ใหญ่ ที่รับรองจากองค์การอนามัยโลก เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ LG Chem Life Sciences จะมีการผลิตขึ้นในโรงงานที่ได้มาตรฐาน ในประเทศเกาหลี ในเมืองโอซง (Osong), อิกซัง (Iksan), ออนซาน (Onsan) รวมถึง ณ สำนักงานใหญ่และศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ตั้งอยู่ในย่านมากอก (Magok) กรุงโซล ซึ่งบริษัทฯ จะมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ผ่านช่องทางของโรงพยาบาลและคลินิกเวชกรรมทั่วประเทศ โดยมีบริษัท DKSH เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน
นายสายัณห์ ยังมองว่าตลาดความงามไทย ส่วนที่เป็น Non-Surgical Procedure หรือตลาดสารเติมเต็มบนใบหน้ากลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก และยาฉีดต่าง ๆ คือโอกาสที่เปิดกว้างของ LG Chem Life Sciences สำหรับการทำตลาดในประเทศไทย จากแนวโน้มอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่สูงอย่างมาก ราว 11.98% ในปี 2022-2030 ที่เป็นมูลค่าใกล้เคียงกับประเทศเกาหลี ประกอบกับตลาดความงามไทยยังได้รับอิทธิพลบวกจากกระแสการปรับรูปลักษณ์และชีวิตที่ดีขึ้นจากการดูแลตัวเอง ความสวยงาม และการชะลอวัย (Personal Care & Beauty) ที่มีให้เห็นในสังคม รายการโทรทัศน์ จนถึงดารา-นักร้องทั้งในไทยเองและต่างประเทศ
“ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์เหล่านี้ ก็คือ คลินิกแพทย์ความงามและโรงพยาบาลเฉพาะทาง ที่มีการแข่งขันที่สูง แต่ก็มีมูลค่าและอัตราการเติบโตที่สูงตามไปด้วย เช่นเดียวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มบนใบหน้ากลุ่มกรดไฮยา ลูรอนิก ที่ต้องแข่งขันกันอย่างมากในตลาด เพราะหากนับเฉพาะสารเติมเต็มบนใบหน้ากลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก ที่จดทะเบียนและผ่านการรับรองอย่างถูกต้องจาก อย. ก็มีประมาณ 20 แบรนด์แล้ว ทำให้ในปีหน้านี้ บริษัทฯ จะเน้นที่การนำเข้าโปรแกรม Y ที่เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทแอลจี เคม ไลฟ์ ไซเอนเชส ประเทศเกาหลี รวมถึงนำเข้ากลุ่มเครื่องมือแพทย์ผิวพรรณและความงามอื่น ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้น ให้ได้อย่างครอบคลุม”
นอกเหนือจากนี้ LG Chem Life Sciences ยังได้ฉลองความสำเร็จของ สารเติมเต็มบนใบหน้ากลุ่มกรดไฮยาลูรอนิกที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ด้วยการจัดงานเลี้ยงขอบคุณ “Impressive Cocktail Dinner” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Rivera Rendezvous at Praya Palazzo for Top Spender” ที่จะต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและลูกค้าผู้มีอุปการะคุณของบริษัทฯ ซึ่งล้วนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงามชั้นนำ มาร่วมย้อนบรรยากาศกลับสู่ยุคสมัยความงามอย่างไทยเฟื่องฟูในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 และงานเลี้ยงอาหารค่ำแบบไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ในปี 2567 ที่กำลังมาถึง โดยมีศิลปิน “บอย-พีซเมกเกอร์” มาร่วมมอบความสุขผ่านบทเพลงในงาน ซึ่งได้จัดขึ้น ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ณ โรงแรมพระยา พาลาซโซ
“ในปีนี้และปีหน้า บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายสำหรับผลิตภัณฑ์ สารเติมเต็มบนใบหน้ากลุ่มกรดไฮยาลูรอนิกให้เติบโตโดยมี CAGR มากกว่า 35% ในปี 2022-2025 เพื่อจะเป็นยกระดับสู่เป้าหมายความเป็นผู้นำกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านความงามที่นำเข้าจากประเทศเกาหลี ในตลาดแพทย์ความงามของประเทศไทย ภายใน 5-10 ปีข้างหน้า” นายสายัณห์ กล่าวทิ้งท้าย